สนใจกดตรงนี้
วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2563
วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2563
ประกันเดินทาง
มองฟ้าและน้ำที่กว้างใหญ่
ให้ได้กลิ่นดินที่ลมนั้นพัดเข้ามาจากสุดไกลตา
"โลกอันกว้างใหญ่เรามันแค่ใคร...?"
ทำลายข้อจำกัดที่สร้างขึ้นซะ การออกเดินทางก็เช่นกันแค่เก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทาง "ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ร อ อ ยู่ "
ให้ได้กลิ่นดินที่ลมนั้นพัดเข้ามาจากสุดไกลตา
"โลกอันกว้างใหญ่เรามันแค่ใคร...?"
ทำลายข้อจำกัดที่สร้างขึ้นซะ การออกเดินทางก็เช่นกันแค่
รายละเอียดผลิตภัณฑ์ แผนประกันภัยการเดินทาง Travel Easy คุ้มครองคุณและครอบครัว 24 ชั่วโมงทั่วโลก จากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อุ่นใจและปลอดภัยตลอดระยะเวลาที่เดินทางในต่างประเทศ
คุณสมบัติหลัก
ให้ความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก ทั้งการบาดเจ็บ, ทุพพลภาพ การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายฉุกเฉิน
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล สูงสุด 5,000,000 บาท
- เบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 190 บาท พร้อมทุนประกันสูงถึง 1,500,000 ล้านบาท
- เดินทางไปกลุ่มเชงเก้น เบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 255 บาท
- คืนเงิน 100% หากยื่นวีซ่าไม่ผ่าน
ไฮไลท์แผนความคุ้มครอง
คุ้มครองการรักษาพยาบาลทั้งอุบัติเหตุและเจ็บป่วย สูงสุด 5,000,000 บาท- คุ้มครองการรักษาพยาบาลทั้งอุบัติเหตุและเจ็บป่วย สูงสุด 5,000,000 บาท
- คุ้มครองการเคลื่อนย้ายเพื่อรักษาพยาบาลฉุกเฉินหรือเคลื่อนย้ายกลับประเทศไทย สูงสุด 2,000,000 บาท
- กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จะคุ้มครองการส่งศพกลับประเทศ สูงสุด 2,000,000 บาท
- สามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทาง สูงสุด 500,000 บาท
- เที่ยวบินล่าช้า ให้ความคุ้มครองสูงสุด 35,000 บาท
- คุ้มครองความสูญเสียหรือเสียหายของกระเป๋าเดินทางและ/หรือทรัพย์สินส่วนตัว และ/หรืออุปกรณ์กอล์ฟ สูงสุด 60,000 บาท
- กระเป๋าล่าช้า ให้ความคุ้มครองสูงสุด 35,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล สูงสุด 5,000,000 บาท
- เบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 190 บาท พร้อมทุนประกันสูงถึง 1,500,000 ล้านบาท
- เดินทางไปกลุ่มเชงเก้น เบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 255 บาท
- คืนเงิน 100% หากยื่นวีซ่าไม่ผ่าน
ไฮไลท์แผนความคุ้มครอง
คุ้มครองการรักษาพยาบาลทั้งอุบัติเหตุและเจ็บป่วย สูงสุด 5,000,000 บาท
- คุ้มครองการรักษาพยาบาลทั้งอุบัติเหตุและเจ็บป่วย สูงสุด 5,000,000 บาท
- คุ้มครองการเคลื่อนย้ายเพื่อรักษาพยาบาลฉุกเฉินหรือเคลื่อนย้ายกลับประเทศไทย สูงสุด 2,000,000 บาท
- กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จะคุ้มครองการส่งศพกลับประเทศ สูงสุด 2,000,000 บาท
- สามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทาง สูงสุด 500,000 บาท
- เที่ยวบินล่าช้า ให้ความคุ้มครองสูงสุด 35,000 บาท
- คุ้มครองความสูญเสียหรือเสียหายของกระเป๋าเดินทางและ/หรือทรัพย์สินส่วนตัว และ/หรืออุปกรณ์กอล์ฟ สูงสุด 60,000 บาท
- กระเป๋าล่าช้า ให้ความคุ้มครองสูงสุด 35,000 บาท
ประกันcovid19
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบัน ทำให้เกิดความตึงเครียด, วิตกกังวล ต่อคนหลาย ๆ คนไม่ว่าจะโดยทางตรง หรือทางอ้อมก็ตาม โดยมีโรคที่อาจตามมากับความเครียดได้ก็คือ โรคปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง หรือออฟฟิศซินโดรม เพราะอะไร และ จะป้องกันได้อย่างไร เดี๋ยวหมอเล่าให้ฟังครับ
โดยปกติกล้ามเนื้อคอ, บ่า ต้องรับน้ำหนักศรีษะ ซึ่งหนักราว ๆ 7 กิโลกรัม เป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน กล้ามเนื้อหลังก็ต้องรับน้ำหนักตัว และศรีษะเช่นกัน ส่งผลให้กล้ามเนื้อเหล่านั้นเกิดความตึงตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ความเครียดหรือความวิตกกังวลจะมีผลทางอ้อม กับกล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่อยู่รอบ ๆ กระดูกสันหลัง, คอ, บ่า, ไหล่ โดยทำให้กล้ามเนื้อที่ตึงตัวอยู่ แสดงอาการปวดออกมาได้ง่ายและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดอาการปวด, ตึง, ล้า ไปจนถึงอ่อนแรง ซึ่งหากมีทั้งกล้ามเนื้ออักเสบและความเครียดทั้งสองสิ่งประกอบกัน จะส่งผลให้อาการปวดเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนบางครั้งไม่สามารถทำงานได้ หรือทำงานได้แต่ไม่มีประสิทธิภาพเท่าเดิม นอกจากนี้ หากความตึงตัวและความเครียดเหล่านี้คงอยู่นาน จะส่งผลให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง บางครั้งปวดลามไปที่ท้ายทอย, ศรีษะ หรือบริเวณรอบ ๆ เบ้าตา คล้ายกับ “อาการปวดไมเกรน” ได้ การปล่อยให้ปวดเรื้อรังนอกจากจะส่งผลให้ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ในผู้ป่วยบางรายอีกด้วย
5 วิธีง่าย ๆ ลดปวด ลดตึง อย่างได้ผล
1. ยืดกล้ามเนื้อคอ จะช่วยลดการตึงตัวของกล้ามเนื้อบริเวณคอ และยังช่วยลดอาการปวดคอรวมไปถึงอาการปวดร้าวไปที่ท้ายทอยและขมับได้ การยืดกล้ามเนื้อคอ สามารถทำได้ง่าย ๆ ในที่ทำงาน สามารถทำได้ด้วยตนเอง ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่หมอแนะนำที่สุดครับ
2. การนวดเบา ๆ ที่กล้ามเนื้อบริเวณคอ สามารถช่วยลดการตึงตัวของกล้ามเนื้อ, ผ่อนคลาย, ลดอาการปวดร้าวไปยังศรีษะ, ท้ายทอย และบริเวณบ่าไหล่ได้ นอกจากนี้การใช้ความร้อนที่เหมาะสมเข้าช่วยร่วมกับการนวด จะทำให้กล้ามเนื้อลดการตึงตัวได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ปรับอุปกรณ์และท่านั่งทำงานให้เหมาะสม เพราะท่านั่งทำงานคือปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดสำหรับโรคออฟฟิศซินโดรม การนั่งทำงานหรือใช้คอมพิวเตอร์ผิดท่าเป็นเวลานาน จะส่งผลให้กล้ามเนื้อ คอ, บ่า, ไหล่, หลัง ทำงานอย่างหนัก จนเกิดการอักเสบขึ้นได้ เคล็ดลับง่าย ๆ อย่างหนึ่งก็คือ การปรับความสูงของเก้าอี้ให้เหมาะสมกับโต๊ะทำงานและนั่งให้เท้าทั้งสองข้างสัมผัสพื้นอยู่เสมอ จะช่วยลดการตึงตัวของกล้ามเนื้อ ถ้าเท้าไม่สามารถแตะพื้นได้ อาจต้องใช้ที่พักเท้าช่วยครับ
4. พักและยืด หมอแนะนำให้ผู้อ่านพักจากท่าการทำงานทุก ๆ 1 ชั่วโมง โดยพักประมาณ 3-5 นาที ระหว่างพัก ให้ทำงานยืดกล้ามเนื้อคอ และกล้ามเนื้อหลัง ดื่มน้ำเปล่า หันมองไกล ๆ พักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ จะช่วยทำให้ร่างกายและกล้ามเนื้อต่าง ๆ ผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
5. อย่างปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำ เพราะจะทำให้เกิดการปวดกล้ามเนื้อได้ง่ายขึ้น การดื่มน้ำจะช่วยให้เกิดสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย สงผลให้การทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกับหลีกเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่างที่มีผลต่อการปวดและอักเสบของกล้ามเนื้อ เช่น การสูบบุหรี่, ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ดื่มกาแฟก่อนนอน ซึ่งจะเพิ่มการตึงตัวของกล้างเนื้อและทำให้กล้ามเนื้ออักเสบหายได้ยากมากขึ้น
ลองปฏิบัติตามคำแนะนำ 5 ข้อ ง่าย ๆ นี้ดูนะครับ หมอเชื่อว่าอาการของโรคออฟฟิศซินโดรม จะลดลงไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน พยายามสังเกตตนเองอย่าปล่อยให้อาการเป็นมาก หรือเป็นยาวนานกว่า 2 สัปดาห์ เพราะจะรักษาได้ยาก และบางครั้งเป็นเรื้อรังได้ ถ้าอาการแย่ลง หรือ ไม่ดีขึ้น แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกต้องต่อไปครับ วันนี้หมอลาไปก่อน อย่าลืมดื่มน้ำและพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะช่วยลดความเครียดของร่างกายได้นะครับ
ประกันบำนาญ
ความเสี่ยงอะไรบ้างที่จะเจอหลังเกษียณ?
ถ้าพูดถึงบำนาญคนส่วนใหญ่จะนึกถึงการลดหย่อนภาษีคนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับประโยชน์ของบำนาญคนส่วนใหญ่มักมองว่าเป็นการซื้อประกันและไปมองเรื่องผลตอบแทนเป็นหลักคนส่วนใหญ่ไม่ชอบสินค้าการเงินที่ต้องออมระยะยาวเช่นRMFและบำนาญแม้แต่คนขายประกันก็ยังไม่เข้าใจวัตถุประสงค์วิธีการขายที่ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นประกันชีวิตชนิดหนึ่ง
2 ความเสี่ยงหลังเกษียณที่จะต้องเจอ ที่เกี่ยวกับบำนาญ คือ
Longevity risk ความเสี่ยงที่อายุจะยืนยาวเกินกว่าที่คาดไว้
สินค้าการเงินรูปแบบบำนาญ จะสามารถป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากการที่มีชีวิตอยู่ยาวนานเกินไปกว่าเงินที่ท่านเตรียมไว้ใช้ในยามเกษียณ เรียกง่ายๆใช้เงินหมดก่อนตายนั่นเอง ซึ่งเป็นปัญหาที่น่ากลัวที่สุด
Market risk ความเสี่ยงในการพึ่งพาผลตอบแทนจากพอร์ตการลงทุนเพียงอย่างเดียว
บำนาญนั้นเป็นประโยชน์ต่อคนที่อยู่ในวัยเกษียณ เนื่องจากเป็นแหล่งรายได้หลังเกษียณที่แน่นนอน (guaranteed income) ในกรณีที่บางปีผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนผิดพลาดไป แต่ยังคงมีกระแสเงินสดเข้ามาสู่พอร์ตการลงทุนได้
ดังนั้น บำนาญ จึงเป็นการที่เน้นเรื่องการป้องการความเสี่ยงเป็นหลัก
มากกว่าเน้นเรื่องของผลตอบแทนสูงสุดหรือการสร้างความมั่งคั่งให้กับพอร์ตการลงทุน ซึ่งเราควรจะมองมันเป็นเสมือนเครื่องมือในการจัดการเรื่องความเสี่ยง แล้วค่อยไปมองเรื่องของผลตอบแทนในการซื้อบำนาญนั้นเป็นประเด็นรอง
และนี่คือเหตุผลหลักว่าทำไมจะต้องมีบำนาญในแผนเกษียณ
อย่าหวังพึ่งรายได้หลังเกษียณจากผลตอบแทนจากพอร์ตการลงทุนเพียงอย่างเดียว และที่สำคัญ ใช้เงินหมดก่อนตายคือ ความเสี่ยงที่แท้จริง
ประกันโรคร้ายแรง
อุ่นใจกับประกันคุ้มครอง 50 โรคร้ายแรงที่ให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็งระยะไม่ลุกลามและระยะลุกลาม โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน โรคอัลไซเมอร์ และไตวายเรื้อรัง เป็นต้น เมื่อได้รับการวินิจฉัยและยืนยันจากแพทย์ในระหว่างที่ผู้เอาประกันภัยยังมีชีวิตอยู่ บริษัทฯ จะมอบเงินก้อนไว้ใช้รักษาตัวเมื่อเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บจากโรคร้ายแรง ให้คุณหมดห่วงกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น และช่วยลดภาระให้กับคุณรวมถึงคนที่คุณรักความคุ้มครองสำหรับสัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรง 50 โรคให้คุ้มครองกรณีที่บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยตามที่ระบุไว้ในสัญญาเพิ่มเติม โดยบริษัทฯ จะจ่ายผลประโยชน์ตามจำนวนเงินเอาประกันภัยภายใต้ข้อกำหนดของแบบประกันภัย โดยมีรายละเอียดดังนี้1. โรคร้ายแรง 5 โรคบริษัทฯ จะจ่ายผลประโยชน์ 25% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย สำหรับ 5 โรคร้ายแรงที่ระบุด้านล่างนี้ โดยจ่ายเพียงครั้งเดียวตลอดระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบอยู่ เมื่อจ่ายผลประโยชน์ดังกล่าวแล้ว จำนวนเงินเอาประกันภัยคงเหลือของสัญญาเพิ่มเติมนี้ในรอบปีกรมธรรม์ต่อๆ ไปจะปรับลดลงเหลือ 75%ของจำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้น
ประกันสุขภาพ
ความรู้เกี่ยวกับประกันสุขภาพ
ข้อดี ของประกันสุขภาพแบบไม่ต้องพ่วงคือ
ข้อดี ของประกันสุขภาพแบบพ่วงประกันชีวิต
- เหมาะกับการวางแผนระยะยาว มีความมั่นคงทางการเงินที่จะส่งเบี้ยสัญญาหลักระยะยาวได้ และซื้อประกันสุขภาพแบบพ่วงเสริม
ทำความเข้าใจประกันสุขภาพที่มักจะเข้าใจกันมาผิดๆ
- สัญญาประกันสุขภาพเป็นสัญญาปีต่อปี ไม่ใช่สัญญาระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นแบบพ่วงหรือไม่พ่วงก็เป็นสัญญาปีต่อปีใชัหลักเดียวกัน
- หากได้ยินตัวแทน บอกว่าสัญญาประกันสุขภาพเป็นสัญญาระยะยาว โปรดระวังว่าตัวแทนให้ข้อมูลผิดและไม่เข้าใจสาระสำคัญ อย่าซื้อกับตัวแทนประเภทนี้
- ประกันสุขภาพ ไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนทำสัญญาและยังรักษาไม่หาย เปรียบง่ายๆ เหมือนประกันรถชั้น 1 หากมีรอยก่อนมาก่อนวันทำประกันและยังไม่ซ่อม รอยนั้นก็จะมาเคลมเอาจากประกันไม่ได้ ต้องรีมาร์คไว้ รวมถึงไม่รีมาร์คไว้แต่ประกันมาทราบภายหลังหรือมีหลักฐานว่าเกิดมาก่อนเอาประกัน รอยนั้นก็ซ่อมกับประกันไม่ได้ = โรคนั้นก็เคลมไม่ได้
- เบี้ยประกันสุขภาพต่ออายุเท่ากันทุกปีเท่ากับเบี้ยแรกเข้า อันนี้เป็นความคิดที่ผิด เพราะมีปัจจัยที่เบี้ยประกันสุขภาพควรจะปรับขึ้นทุกปี ในความคุ้มครองที่เท่าเดิม ปัจจัยหลักคือ อายุเพิ่มความเสี่ยงภัยเพิ่ม และเวลาผ่านไป ค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลปรับทุกปี ประกันที่เบี้ยเท่าเดิมนั้นมีแต่ การส่งเบี้ยประกันชีวิต เพราะอัตราการตายไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก หรืออาจพบในประกันโรคมะเร็ง หรือประกันอุบัติเหตุ
ทำประกันสุขภาพ มีบัตร care card ก็แล้ว เข้ารักษา รพ.ในเครือก็แล้ว แต่ยังต้องสำรองจ่าย ???
- พบบ่อยว่าประกันบางแห่ง มักพบใน ประกันสุขภาพที่พ่วงกับประกันชีวิต ในบริษัทประกันชีวิตใหญ่ๆ มักจะตรวจเคลมละเอียด ว่าระหว่างอาการเจ็บป่วย กับเหตุผลที่ต้องเข้ารักษา สอดคล้องเหมาะสมหรือไม่ การตรวจละเอียดนี้พบในประกันเจ้าใหญ่ๆ ที่มีบุคลากรทำเคลมเอง จึงตรวจเยอะใช้เวลาเยอะ ระหว่างรอตรวจ ก็มักให้สำรองจ่ายไปก่อน แล้วถ้าตรวจแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ ก็คืนในส่วนที่สำรองจ่ายไป
ประกันรถยนต์ชั้น1,2,3
อุบัติเหตุทางถนนไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ที่ประสบภัยเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความสูญเสียต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยโดยรวมอย่างมหาศาล
ข้อมูลสถิติผู้เสียชีวิตที่บูรณาการจากข้อมูลจาก 3 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ แสดงให้เห็นว่า มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรประมาณ 22,281 คนต่อปี ส่วนผู้บาดเจ็บสาหัส ซึ่งอ้างอิงจากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีจำนวนเฉลี่ย 107,542 คนต่อปี ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนทั้งหมด ตัวเลขเหล่านี้สามารถนำมาประเมินมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจด้วยวิธีการทางเศรษฐศาสตร์ได้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) (2560)[1] ได้คำนวณมูลค่าความสูญเสียจากการเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุจราจรจากพื้นที่ในจังหวัดสระบุรี ด้วยวิธีการประเมินความเต็มใจที่จะจ่ายในการลดอุบัติเหตุทางถนนของคนในพื้นที่ พบว่า การเสียชีวิตมีมูลค่าเท่ากับประมาณ 10 ล้านบาทต่อราย ในขณะที่การบาดเจ็บสาหัสมีมูลค่าเท่ากับประมาณ 3 ล้านบาทต่อราย
ประกันชีวิต
สู้ความเครียดจากโควิด ด้วย 5 ทริค พิชิตออฟฟิศซินโดรม
"สู้ความเครียดจากโควิด ด้วย 5 ทริค พิชิตออฟฟิศซินโดรม"
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบัน ทำให้เกิดความตึงเครียด, วิตกกังวล ต่อคนหลาย ๆ คนไม่ว่าจะโดยทางตรง หรือทางอ้อมก็ตาม โดยมีโรคที่อาจตามมากับความเครียดได้ก็คือ โรคปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง หรือออฟฟิศซินโดรม เพราะอะไร และ จะป้องกันได้อย่างไร เดี๋ยวหมอเล่าให้ฟังครับ
ความเครียด
หรือ วิตกกังวล ทำให้เกิดการปวดคอ, บ่า, ไหล่, หลัง ได้อย่างไร?
หรือ วิตกกังวล ทำให้เกิดการปวดคอ, บ่า, ไหล่, หลัง ได้อย่างไร?
โดยปกติกล้ามเนื้อคอ, บ่า ต้องรับน้ำหนักศรีษะ ซึ่งหนักราว ๆ 7 กิโลกรัม เป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน กล้ามเนื้อหลังก็ต้องรับน้ำหนักตัว และศรีษะเช่นกัน ส่งผลให้กล้ามเนื้อเหล่านั้นเกิดความตึงตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ความเครียดหรือความวิตกกังวลจะมีผลทางอ้อม กับกล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่อยู่รอบ ๆ กระดูกสันหลัง, คอ, บ่า, ไหล่ โดยทำให้กล้ามเนื้อที่ตึงตัวอยู่ แสดงอาการปวดออกมาได้ง่ายและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดอาการปวด, ตึง, ล้า ไปจนถึงอ่อนแรง ซึ่งหากมีทั้งกล้ามเนื้ออักเสบและความเครียดทั้งสองสิ่งประกอบกัน จะส่งผลให้อาการปวดเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนบางครั้งไม่สามารถทำงานได้ หรือทำงานได้แต่ไม่มีประสิทธิภาพเท่าเดิม นอกจากนี้ หากความตึงตัวและความเครียดเหล่านี้คงอยู่นาน จะส่งผลให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง บางครั้งปวดลามไปที่ท้ายทอย, ศรีษะ หรือบริเวณรอบ ๆ เบ้าตา คล้ายกับ “อาการปวดไมเกรน” ได้ การปล่อยให้ปวดเรื้อรังนอกจากจะส่งผลให้ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ในผู้ป่วยบางรายอีกด้วย
ถ้าอาการเป็นไม่มาก หรือ เพิ่งเริ่มเป็น หมอมีคำแนะนำเพื่อลดอาการปวดเหล่านี้ครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)